
เชื้อเพลิงทดแทนแห่งอนาคต: น้ำมันไพโรไลซิสจากยางที่ใช้แล้ว
น้ำมันไพโรไลซิสจากยางใช้แล้วเป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่ได้จากการสลายตัวยางเก่าด้วยความร้อนสูง ยางประเภทต่างๆตั้งแต่ยางรถยนต์ไปจนถึงยางล้อเครื่องบินนั้นประกอบไปด้วยวัสดุหลายประเภท ได้แก่ ยาง เส้นใย และเหล็ก โดยน้ำมันไพโรไลซิสเกิดจากการย่อยสลายส่วนประกอบของยางให้กลายเป็นของเหลวด้วยความร้อนที่สูง
กระบวนการนี้ดำเนินการในสภาวะไร้ออกซิเจน ทำให้ได้รับความสนใจอย่างมาก ในฐานะพลังงานทางเลือกแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล น้ำมันไพโรไลซิสจากยางเสียมักใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรม เช่น การผลิตรถยนต์และโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ยังสามารถนำไปกลั่นเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบทางเคมีอื่นๆหรือน้ำมันที่ใช้ในอุตสาหกรรม
เทคโนโลยีนี้ช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการกำจัดยางที่เสียแล้วจำนวนมาก และส่งเสริมการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้ไม่เพียงได้รับความสนใจในประเทศที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างประเทศในยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่ยังรวมถึงประเทศอย่างอินเดียและมาเลเซีย ที่มีการเก็บภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูง จึงทำให้เกิดความต้องการเชื้อเพลิงทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำกว่าเชื่อเพลิงปกติ
หากอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ น้ำมันไพโรไลซิสเกิดจากการเปลี่ยนยางเก่าให้กลายเป็น “ทรัพยากรใหม่” ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตที่ยั่งยืนของเราทุกคนอีกด้วย
ปัญหาสะสมจากยางใช้แล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังได้รับความสนใจในฐานะภูมิภาคที่มีปริมาณยางเสียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรมรีไซเคิลและต้นทุนการกำจัดที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ยางที่เสียแล้วจำนวนมากถูกส่งออกจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากมีค่ากำจัดที่สูง ในขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีโรงงานรีไซเคิลจำนวนมากที่นำยางใช้แล้วมาใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม การจัดการที่ไม่เหมาะสมจะก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และยางที่ถูกทิ้งเอาไว้เฉยๆ อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก นำไปสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศจึงเริ่มเข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับกฎระเบียบการนำเข้ายางที่ใช้แล้ว
ปริมาณน้ำมันที่สกัดได้จากยางเสีย

โดยทั่วไป จากยางปริมาณ 100 ตันที่ผ่านกระบวนการไพโรไลสิส จะสามารถจำแนกมาเป็นพลิตภัณฑ์ได้ดังนี้:
- ลวดเหล็กประมาณ 20 ตัน
- น้ำมันไพโรไลซิสประมาณ 45 ตัน
- คาร์บอนแบล็คประมาณ 35 ตัน
กระบวนการนี้ยังผลิตก๊าซไพโรไลซิสที่นำไปใช้งานได้เพิ่มเติมในงานทำความร้อน
และหากนำ 45 ตันของน้ำมันไพโรไลซิส ไปกลั่นเพิ่มเติมเพื่อกรองคุณภาพของตัวน้ำมัน จะได้:
- น้ำมันไพโรไลสิสเกรดหนักประมาณ 25 ตัน
- น้ำมันไพโรไลซิสเกรดดีเซลประมาณ 15 ตัน
คาร์บอนแบล็ค: ผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมัน
35% ของน้ำหนักยางเสียสามารถสกัดเป็นคาร์บอนแบล็ค ซึ่งสามารภนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตพิกเมนต์สีและใช้สำหรับเป็นวัตถุดิบในการผลิตยางใหม่ อย่างไรก็ตาม คาร์บอนแบล็คที่ได้โดยตรงจากกระบวนการนี้ยังมีสิ่งเจือปนมาก ทำให้คุณภาพไม่สูงนัก จึงต้องผ่านกระบวนการกรองและคัดแยกให้เหมาะสมก่อนนำไปใช้งานจริง
น้ำมันไพโรไลซิสจากยางใช้แล้วเป็นแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการจัดการยางเก่า พร้อมอีกทั้งยังผลิตเชื้อเพลิงที่มีคุณค่า กระบวนการนี้ช่วยลดปริมาณขยะในหลุมฝังกลบ ลดมลพิษ และเป็นทางเลือกแทนเชื้อเพลิงทั่วไป นอกจากนี้ยังสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยการนำผลพลอยได้ เช่น คาร์บอนแบล็คและเหล็กกลับมาใช้ใหม่ ด้วยการเปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นพลังงาน กระบวนการไพโรไลซิสจึงเป็นก้าวสำคัญสู่สิ่งแวดล้อมที่สะอาดและยั่งยืนมากขึ้น
ติดต่อเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำมันไพโรไลซิสในประเทศไทย